ไม้จริง (Solid Wood)
สมัยก่อนเรียกว่า”ไม้”เฉยๆ แต่ปัจจุบันต้องเรียกว่า”ไม้จริง” เพราะว่าสิ่งของที่ทำด้วยไม้กลายเป็นของที่ไม่ค่อยพบเห็นไปเสียแล้ว
คนวัยหนุ่มสาวในปัจจุบันอาจจะไม่คุ้นเคยกับไม้ บางคนอาจจะแยกไม่ออกเลยว่าไม้ที่เห็นนั้นเป็นไม้จริงหรือไม้เทียม ไม้จริงปัจจุบันมีการนำมาใช้น้อยลงมากเพื่อลดการทำลายป่า และเพื่อให้สิ่งของนั้นราคาถูกลง ในงานก่อสร้างตกแต่งอาคารในปัจจุบันจึงใช้ไม้สังเคราะห์หรือไม้เทียมเป็นส่วนใหญ่ ส่วนไม้จริงจะนำมาใช้ในส่วนที่ไม่สามารถใช้ไม้เทียมทดแทนได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่เหมือนไม้จริง
ส่วนในงานเฟอร์นิเจอร์ไม้นั้น ยังมีการใช้ไม้จริงอยู่มากพอสมควร เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ไม้จริงจะมีราคาแพงกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ไม้เทียมอยู่มาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามคงทนและมีคุณค่า ก็ยังคงเลือกใช้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงเท่านั้น
ไม้จริงยังมีหลากหลายชนิดตามสายพันธุ์ไม้ มีคุณสมบัติ ความทนทาน และราคาแตกต่างกัน มีไม้เนื้อแข็ง ไม้เนื้อแข็งปานกลาง ไม้เนื้ออ่อน การนำมาใช้จะต้องเลือกตามความเหมาะสมตามประเภทการใช้งาน ไม้เนื้อแข็งจะมีความคงทนอย่างถาวร ไม่กลัวความชื้นและปลวก ไม้เนื้อแข็งปานกลางและไม้เนื้ออ่อนจะยืดหดบิดงอเมื่อความชื้นในอากาศเปลี่ยนแปลงและปลวกชอบกิน ไม้เนื้อแข็งปานกลางที่คุณภาพดีเหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์และปลวกไม่กินคือไม้สัก
ไม้จริงยังมีหลากหลายชนิดตามสายพันธุ์ไม้ มีคุณสมบัติ ความทนทาน และราคาแตกต่างกัน มีไม้เนื้อแข็ง ไม้เนื้อปานกลาง ไม้เนื้ออ่อน การนำมาใช้จะต้องเลือกตามความเหมาะสมตามประเภทการใช้งาน ไม้เนื้อแข็งจะมีความคงทนอย่างถาวร ไม่กลัวความชื้นและปลวก ไม้เนื้อแข็งปานกลางและไม้เนื้ออ่อนจะยืดหดบิดงอเมื่อความชื้นในอากาศเปลี่ยนแปลงและปลวกชอบกิน ไม้เนื้อแข็งปานกลางที่คุณภาพดีเหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์และปลวกไม่กินคือไม้สัก
ไม้อัด (Ply Wood)
ไม้อัดไม่ใช่ไม้เทียมหรือไม้สังเคราะห์ ไม้อัดเป็นไม้จริงแปรรูปชนิดหนึ่ง ซึ่งเริ่มผลิตใช้กันในโลกประมาณ ค.ศ.1800 ไม้อัดถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้งานที่ต้องการไม้ลักษณะเป็นแผ่นแบนๆกว้างใหญ่และยังคงความแข็งแรง ซึ่งไม้ท่อนตามธรรมชาติไม่มีลักษณะอย่างนั้น โดยการนำไม้ที่เป็นท่อนซุงมาเข้าเครื่องฝานออกเป็นแผ่นบางๆเรียกว่า วีเนียร์ (Veneer) แล้วนำแผ่นไม้บางมาวางประกบติดกันด้วยกาว โดยวางลายไม้ให้สลับทิศทางกันในแต่ละชั้น เมื่อกาวแห้งแล้วจึงได้ไม้ที่มีขนาดแผ่นกว้างแบนและมีความแข็งแรงมากกว่าไม้จริงชนิดเดียวกันที่มีความหนาเท่ากัน
คุณภาพของไม้อัดขึ้นอยู่กับชนิดไม้ที่นำมาผลิต คุณภาพของกาวและกรรมวิธีการผลิต ปัจจุบันมีไม้อัดที่ราคาถูกให้เลือกซื้อมากมาย ทำจากไม้ราคาถูกและการผลิตคุณภาพต่ำ จึงทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจผิด จัดไม้อัดให้อยู่ในกลุ่มวัสดุคุณภาพต่ำที่ควรหลีกเลี่ยง แต่ความจริงแล้ว ไม้อัดคุณภาพดีสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดียังมีอยู่ แต่ราคาจะสูงกว่า
ในเรื่องความสวยงามนั้น เมื่อทำไม้เป็นชั้นๆได้ ชั้นข้างในที่มองไม่เห็นจึงไม่ต้องใช้ไม้ที่มีลายสวยงาม ไม้ที่มีลายสวยงามจะถูกปิดอยู่ชั้นบนสุดเท่านั้น จึงทำให้ไม้อัดมีราคาถูกกว่าไม้จริงมาก โดยที่ผิวเป็นไม้ชนิดเดียวกัน
ข้อเสียของไม้อัดคือ ถ้าแช่น้ำหรือเปียกชื้นอยู่เสมอ กาวระหว่างชั้นไม้จะเสื่อม แผ่นไม้จะหลุดแยกออกเป็นชั้นๆ แต่ปัจจุบันมีไม้อัดชนิดกันชื้นซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อความชื้นได้มากขึ้น
ไม้ MDF (Medium Density Fiber Board)
ไม้ MDF ถูกประดิษฐ์ขึ้นในอเมริกาในยุค 1960s โดยพัฒนามาจาก Hard board และ Particle Board ที่ถูกคิดค้นขึ้นจากการพยายามเอาเศษไม้ที่เหลือจากโรงงาน นำกลับมาทำให้ใช้งานได้อีก MDF ผลิตจากเศษไม้ชิ้นเล็กหรือเศษกระดาษ นำมาบดย่อยให้ละเอียด ผสมกับกาวหรือเรซิ่นแล้วนำมาเข้าเครื่องอัดด้วยความร้อนแล้วรีดออกมาเป็นแผ่น
ไม้ MDF มีราคาประมาณครึ่งหนึ่งของไม้อัด ในขนาดที่เท่ากัน เนื่องจากใช้วัสดุถูกกว่า การนำมาใช้จึงต้องพิจารณาให้ดีว่าใช้ทำอะไร
สิ่งที่ต้องระวังคือความชื้น การนำ MDF มาใช้จะต้องพ่นสีเคลือบให้ทั่วทุกด้าน หรือห่อหุ้มด้วยวัสดุปิดผิว ถ้าหากใช้ในที่เปียกชื้น และวัสดุที่ห่อหุ้มปริหลุดล่อน กระเทาะออกหรือเป็นรู ไม้ MDF จะบวมพองเสียหายได้ในเวลาอันสั้น
การสังเกตว่าเฟอร์นิเจอร์ที่จะซื้อนั้นทำด้วยไม้ MDF หรือไม่ ต้องถามผู้ผลิตเนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ที่ทำเสร็จแล้วนั้นจะถูกพ่นสีหรือห่อหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ที่เป็นลายไม้ ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้เหมือนไม้จริงมาก
ในแง่ของเสียง
เมื่อเอาไม้ทำตู้ลำโพงควรจะใช้ไม้อะไรจึงจะเสียงดี เรื่องนี้ไม่มีตำราระบุไว้ แอดมินบอกตามประสบการณ์ว่า ไม้เนื้อแข็งและไม้อัดจะได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าไม้ชนิดอื่น ไม้แต่ละชนิดให้เสียงต่างกัน ความหนาต่างกันเสียงก็ต่างกัน ไม้อ่อนไม้แก่ อายุไม่เท่ากันเสียงก็ต่างกัน ถ้าหากต้องการทำลำโพงหลายตู้ที่ให้เสียงเหมือนๆกันเป็นมาตรฐานนั้นควรจะใช้ไม้อัด ถ้าใช้ไม้จริงก็ต้องไม้ชนิดเดียวกัน มาจากแหล่งเดียวกันเสียงจึงจะเหมือนกัน